ผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหากวนใจที่ใครหลายคนอยากแก้ไขให้ตรงจุด บางคนจึงเลือกวิธีการปลูกผมเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผมที่ได้ผลลัพธ์สวยงามและเป็นธรรมชาติ แต่หลังการปลูกผมสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือการดูแลและบำรุงผมที่ปลูกใหม่อย่างถูกวิธี เพื่อให้เส้นผมใหม่เติบโตได้แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญการมักแนะนำให้รับประทานยา Minoxidil และยา Finasteride ที่เป็นตัวช่วยสำคัญในการบำรุงดูแลเส้นผมได้ลึกถึงภายใน เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นการงอกของผมใหม่แล้ว ยังช่วยชะลอการหลุดร่วงของผมได้อีกด้วย แต่ยาทั้ง 2 ชนิดนี้มีกลไกการทำงานอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง ที่ควรให้ความสำคัญ เรามาทำความเข้าใจพร้อมๆ กันเลย
เหตุผลที่แพทย์แนะนำให้กินยา Minoxidil และ Finasteride หลังปลูกผม
หลังปลูกผม แพทย์มักแนะนำให้กินยา Minoxidil และ Finasteride เพื่อเหตุผลสำคัญ ดังนี้
- ช่วยเร่งให้ผมใหม่งอกเร็วขึ้น ยาทั้ง 2 ตัวจะไปช่วยกระตุ้นปลายเส้นผมและรากผมที่ปลูกใหม่ให้เข้าสู่วัฏจักรการเติบโตใหม่ได้เร็วขึ้น ทำให้ผมงอกเร็วกว่าปกติ
- ป้องกันผมใหม่หลุดร่วง ตัวยาจะไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่ ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผมหลุดร่วง จึงทำให้ผมใหม่แข็งแรงและมีโอกาสเติบโตได้นานขึ้น
- เพิ่มความหนาของเส้นผม โดยเฉพาะตัวยา Minoxidil จะช่วยให้ผมใหม่มีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้น และช่วยให้ผมดูหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม
- เพิ่มปริมาณผมใหม่ ทั้งตัวยา Minoxidil และยา Finasteride จะช่วยกระตุ้นให้ผมงอกได้มากขึ้น ทำให้จำนวนเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
- เสริมผลลัพธ์ในภาพรวมของการปลูกผม การกินยา Minoxidil และยา Finasteride ทั้ง 2 ชนิดนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์การปลูกผมที่ดูดี เป็นธรรมชาติเหมือนผมจริง และผมคงความหนาแน่นได้ยาวนานขึ้น

ชวนทำความรู้จักกับยา Minoxidil
Minoxidil เป็นยาที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ให้ใช้รักษาผมร่วงได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง ยานี้มีกลไกการออกฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะ ทำให้มีปริมาณเลือดและสารอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมได้มากขึ้น ส่งผลให้ผมมีการงอกใหม่เพิ่มขึ้นถึง 70% ของผู้ใช้ยา โดยจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดในการรักษาผมบางบริเวณกระหม่อม และศีรษะด้านบนในเพศชาย ยา Minoxidil มีทั้งแบบรับประทานเป็นยาเม็ดและแบบยาทาภายนอก ซึ่งแพทย์มักจะแนะนำให้ใช้แบบทาภายนอกร่วมกับการปลูกผมมากกว่า เนื่องจากมีผลข้างเคียงน้อยกว่าและผู้ป่วยสะดวกในการใช้มากกว่านั่นเอง แต่ควรใช้อย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์สั่ง

ชวนทำความรู้จักกับยา Finasteride
Finasteride เป็นยากลุ่ม 5 Alpha Reductase inhibitor ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5 Alpha Reductase ไม่ให้เปลี่ยนฮอร์โมน Testosterone ไปเป็นฮอร์โมน DHT ซึ่ง DHT นี้จะเป็นฮอร์โมนตัวการที่ทำให้รากผมเสื่อมและเส้นผมเล็กลง ทำให้เส้นผมหลุดร่วงได้ง่าย ดังนั้น การกินยา Finasteride จึงเป็นการช่วยลดระดับของ DHT และช่วยบำรุงรากผมได้ในเวลาเดียวกัน
ทั้งนี้ยา Finasteride มีประสิทธิผลที่พิสูจน์แล้ว ในการรักษาผมบางศีรษะและผมร่วงบริเวณกระหม่อมในผู้ชายได้ถึง 80-90% และสามารถช่วยให้ผมกลับมางอกใหม่เพิ่มขึ้นได้ด้วย

ข้อควรรู้เกี่ยวกับขนาดและปริมาณยา Minoxidil และยา Finasteride
เมื่อแพทย์แนะนำให้ใช้ยา Minoxidil และ Finasteride ร่วมกับการปลูกผม สิ่งสำคัญคือการใช้ยาในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยาในการช่วยกระตุ้นการงอกใหม่และชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม
- ยา Minoxidil
- ยา Minoxidil สำหรับใช้ภายนอกมีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น โฟม โลชั่นน้ำ และสเปรย์ โดยมีความเข้มข้นของตัวยาอยู่ที่ 2% และ 5% ในทางปฏิบัติ สำหรับผู้ชายที่มีผมบางเริ่มต้น มักเลือกใช้ยาเข้มข้น 5% เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ดีกว่า
- วิธีใช้ คือ ใช้วันละ 2 ครั้ง โดยหยดหรือฉีดพ่นยาลงบนหนังศีรษะบริเวณที่อยากให้ผมงอกใหม่ ประมาณ 1 มล. ต่อครั้ง (20-25 หยด) แล้วนวดเบาๆ ให้ยาซึมซาบลงสู่รากผม ควรใช้อย่างสม่ำเสมอทุกวันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- จะเริ่มเห็นผลหลังใช้ไปแล้ว 4-6 เดือน และควรใช้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะถ้าหยุดใช้เมื่อไหร่ เส้นผมที่เกิดใหม่ก็จะเริ่มบางลงและหลุดร่วงได้อีก จนกลับสู่สภาพเดิมได้ **ซึ่งควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- ยา Finasteride
- ยา Finasteride เป็นตัวยาในรูปแบบยารับประทาน ขนาดที่แนะนำเพื่อใช้รักษาผมบางผมร่วง คือ 1 มก. รับประทานวันละ 1 ครั้ง ซึ่งเพียงพอต่อการออกฤทธิ์ช่วยลดฮอร์โมน DHT ที่ทำให้ผมร่วงได้ดี ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดยา เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็น **ซึ่งควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- ตัวยานี้จะค่อยๆ แสดงผลหลังใช้ไปอย่างน้อย 3-6 เดือน และจะเห็นผลชัดเจนสุดที่ประมาณ 1 ปี และยังช่วยชะลอการบางลงของเส้นผมได้ด้วย แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องเพื่อคงผลการรักษาที่ยาวนาน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้พิจารณาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

ผลข้างเคียงของยา Minoxidil
- ผมอาจจะร่วงมากขึ้นในช่วง 2-6 สัปดาห์แรกของการใช้ยา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการใช้ยานี้ เพราะเป็นผลของยาที่ไปเร่งการผลัดรอบของเส้นผม แต่หลังจากนั้นเส้นผมจะค่อยๆ งอกใหม่ และหลุดร่วงน้อยลงได้เอง
- บางคนอาจมีผิวหนังอักเสบ คัน แดง เป็นผื่น ระคายเคืองบริเวณที่ทายา แนะนำให้ใช้ปริมาณยาที่ถูกต้อง เริ่มต้นจากความเข้มข้นต่ำๆ ใช้เคมีให้น้อยลง และหยุดใช้ยาทันทีถ้าอาการรุนแรง
- อาจมีขนขึ้นผิดที่ผิดทาง เช่น ที่แก้ม ที่หน้าผาก ถ้าหากพบอาการผิดปกติต้องหยุดใช้ทันที หรือปรึกษาแพทย์ก่อนจะใช้ยาต่อ
- บางรายอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เวียนหัว ปวดศีรษะ มือเท้าบวม ใจสั่น หากมีอาการผิดปกติต้องหยุดใช้ยาทันที และรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที

ผลข้างเคียงของยา Finasteride
- อาจเกิดภาวะซึมเศร้า หรือความวิตกกังวลได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติโรคซึมเศร้ามาก่อน
- อาจมีอาการเกี่ยวกับระบบเพศชาย เช่น ลดความต้องการทางเพศ หรือหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นได้หลังหยุดยา
- อาจทำให้ปริมาณน้ำอสุจิลดลง และอาจมีอาการปวดถ่วงที่อัณฑะร่วมด้วย
- บางคนอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ มีไข้ อ่อนเพลีย มีผื่นคันจากการแพ้ยา ควรหยุดทานยาทันที
- มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมในผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม หรือพบก้อนที่เต้านม ต้องแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยานี้
- ห้ามใช้ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมบุตร หรือผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งมีแผนที่จะตั้งครรภ์ เพราะยา Finasteride อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ หรือภาวะเพศกำกวม (Ambiguous genitalia)
- มีผลข้างเคียงทำให้ค่าการทำงานของตับผิดปกติได้ ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคตับ และผู้ที่มีความผิดปกติในการทำงานของตับ

ใครบ้างที่ไม่ควรกินยา Minoxidil และ Finasteride
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือประวัติแพ้ส่วนประกอบของยา
- ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตต่ำ และโรคหัวใจ
- ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อราที่หนังศีรษะ
- ผู้ที่มีแผลเปิดหรือแผลผ่าตัด ไม่ควรทายา Minoxidil บริเวณนั้น
- ผู้ป่วยโรคตับ และความผิดปกติของการทำงานของตับ ไม่ควรใช้ยา Finasteride
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่มีโอกาสตั้งครรภ์ ห้ามใช้ทั้งยา Minoxidil และยา Finasteride เด็ดขาด
- ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะยา Finasteride อาจกระตุ้นอาการซึมเศร้าให้ทวีความรุนแรงมากขึ้นได้

ยา Minoxidil และยา Finasteride เป็นยาที่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการอย่างใกล้ชิด การใช้ยาทั้ง 2 ตัวนี้จะต้องคอยสังเกตอาการและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างละเอียด ถ้ามีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นระหว่างใช้ยา ต้องหยุดใช้และรีบปรึกษาแพทย์ทันที การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการปลูกผม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ลดปัญหาผมบางได้ตรงจุดด้วย Hair Booster บูสต์ผมหนาสุขภาพดี!
- ลดผมร่วง เพิ่มผมหนา ปลุกรากผมให้ตื่นด้วย Hair formula shot™ ปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด ผมหนาดกดำแข็งแรง
- Hair Fraxel เลเซอร์กระตุ้นรากผม ฟื้นฟูผมร่วง
- Pora Cool Hair นวัตกรรมผลักวิตามินรักษาผมบาง ลดผมร่วง
ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ติดต่อจองคิวได้ที่นี่เลย!
สาขาสยามสแควร์ ซอย 2 | โทร: 095-406-9423 / 095-406-9424
สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 3 | โทร: 088-693-0532
สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 7 | โทร: 080-245-7886
สาขา ONE BANGKOK ชั้น 4 | โทร: 095-369-9668

สอบถามข้อมูลปลูกผมเพิ่มเติม
Tel: 02-001-3530-1
Facebook: HairCliniquebySLC
Line: @HairCliniquebySLC