ผมร่วงจนหัวล้าน ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ! แต่สำหรับบางคนภาวะผมร่วง ผมบางก็อาจเกิดจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย DHT ได้ ซึ่งมักพบภาวะหัวล้าน ผมบางกรรมพันธุ์ได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ซึ่งผู้ที่พบปัญหาผมบางกรรมพันธุ์ หัวล้าน แพทย์มักจะแนะนำให้ใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) ในการรักษาอาการศีรษะล้าน ผมร่วง ผมบางกรรมพันธุ์ แต่ว่ายาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) มีผลข้างเคียง หรือมีข้อควรรู้เกี่ยวกับยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) อย่างไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบและคำแนะนำในการใช้ยามาฝาก ตามมาดูกันเลย!!
ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) คือ ยากลุ่ม 5-alpha reductase inhibitor จะออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเพศชายที่ส่งผลให้ต่อมลูกหมากโต เป็นยาปลูกผมสำหรับผู้ชายที่สามารถใช้เพื่อรักษาภาวะผมบางกรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย โดยจะออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเพศชาย DHT (Dihydrotestosterone) ที่เป็นสาเหตุให้เส้นผมมีขนาดเล็กลงจนเกิดเป็นภาวะผมบางกรรมพันธุ์ ทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นรากผมที่งอกใหม่ให้หนาขึ้นได้ ซึ่งสามารถใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) ร่วมกับการปลูกผมได้ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาภาวะฮอร์โมนเพศชายมากเกินในเพศหญิงได้อีกด้วย
ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) รักษาผมร่วงได้เพราะออกออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5α-reductase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ไปเป็นฮอร์โมนเพศชาย DHT (Dihydrotestosterone) โดยปริมาณของฮอร์โมนเพศชาย DHT (Dihydrotestosterone) ที่มากเกินไปจะส่งผลต่อกระบวนการสร้างเส้นผม โดยไปลดระยะที่เส้นผมมีการเจริญเติบโตช่วง Anagen และเพิ่มระยะพักเส้นผมช่วง Telogen จึงทำให้เกิดภาวะผมร่วง
ดังนั้นเส้นผมที่งอกจึงเกิดการหลุดร่วงได้ เมื่อรับยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) เข้าไปก็จะช่วยยับยั้งระดับฮอร์โมนเพศชาย DHT (Dihydrotestosterone) ที่หนังศีรษะ จึงส่งผลให้เกิดการหลุดร่วงลดลงและช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตให้เส้นผมงอกขึ้นใหม่แบบสุขภาพดี
การใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) ขนาด 1 มิลลิกรัม/วัน เป็นการใช้รักษาภาวะผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ซึ่งหลังจากเริ่มใช้ยาจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมระยะเวลาประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งผมจะค่อยๆ หลุดร่วงน้อยลง และจะเห็นผลชัดเจนมากที่สุดเมื่อใช้ยาไปแล้วประมาณ 1 ปี หากมีการหยุดใช้ยาจะมีโอกาสกลับมาผมร่วงและหัวล้านได้อีก
ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) 5mg
การใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) ขนาด 5 มิลลิกรัม/วัน จะเป็นการใช้ยาเพื่อรักษาโรคต่อมลูกหมากในเพศชาย ใช้ระยะเวลาในการรักษาอย่างน้อยประมาณ 3-6 เดือนขึ้นไป กรณีนี้สามารถใช้รักษาภาวะผมร่วงได้ด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตัวยาขนาด 1 มิลลิกรัมก็เพียงพอต่อการรักษาอาการผมร่วง ผมบางกรรมพันธุ์ได้แล้ว แพทย์แนะนำว่าการใช้ยาขนาด 5 มิลลิกรัม เพื่อรักษาภาวะผมร่วง ผมบาง อาจเกิดอันตรายและมีผลข้างเคียงที่มากขึ้นได้อีกด้วย
ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) เป็นยาที่ควรใช้อย่างระมัดระวังและควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงขั้นรุนแรง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ขณะทำการรักษา ดังนี้
อาจเกิดภาวะซึมเศร้า โดยมักพบได้ใน 3% ของผู้ที่ใช้ยา
อาจมีน้ำอสุจิปนเลือด
อาจมีอาการลมพิษ มีปัญหาด้านการหายใจ อาการบวมที่หน้า ริมฝีปาก ลิ้น ลำคอ และเกิดผื่นคัน เนื่องจากอาการแพ้ยา
อาจมีค่าการทำงานของตับผิดปกติ สำหรับผู้ที่ใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) เป็นประจำ ควรเข้ารับการตรวจเช็กค่าการทำงานของตับทุกปี รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำร้ายตับ เช่น การดื่มสุรา เป็นต้น
อาจเกิดความผิดปกติในการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย เนื่องด้วยตัวยาที่ส่งผลให้ฮอร์โมนเพศชายถูกยับยั้ง จึงอาจส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ ความต้องการทางเพศลดลง และปริมาณอสุจิลดลง อีกทั้งอาจเกิดอาการเจ็บอัณฑะร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) เพียง 2-5% เท่านั้น เมื่อหยุดใช้ยาหรือหยุดทำการรักษา ผลข้างเคียงเหล่านี้ก็จะหายไป และกลับมาเป็นปกติภายในระยะเวลา 1 เดือน
อาจจะมีสัญญาณของมะเร็งเต้านมในเพศชาย หรือมีขนาดเต้านมใหญ่ขึ้นในเพศชาย ซึ่งอาจรู้สึกมีก้อน เจ็บ คัดเต้านม และอาจจะมีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากเต้านมได้
แพทย์แนะนำให้ใช้ยาในปริมาณเฉพาะตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โดยกินยารักษาผมร่วง ผมบาง ฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้งก่อนนอน หรือเวลาเดิมทุกๆ วัน ต้องกินยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) อย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและปลอดภัย **ไม่ควรเพิ่มหรือลดขนาดยาด้วยตัวเอง!!
ผู้หญิงตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมบุตร หรือผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ที่มีแผนที่จะตั้งครรภ์ เพราะยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ หรือภาวะเพศกำกวม (Ambiguous genitalia)
ผู้ที่เป็นโรคตับ และผู้ที่มีความผิดปกติในการทำงานของตับ เพราะยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) มีผลข้างเคียงทำให้ค่าการทำงานของตับผิดปกติได้
ผู้ป่วยภาวะซึมเศร้า ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) อาจส่งผลให้ภาวะซึมเศร้าแย่ลงได้
สำหรับยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) สามารถรักษาอาการผมร่วง ผมบางกรรมพันธุ์ได้ ซึ่งเป็นยาอันตรายที่ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่แนะนำให้เพิ่มลดปริมาณการใช้ยาเอง เพราะมีผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อร่างกายได้ ซึ่งใครที่กำลังอยากจบปัญหาผมร่วงผมบางกรรมพันธุ์อยู่ ลองแวะเข้ามาที่ Hair Clinique by SLC รับการปรึกษากับทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและปลอดภัย
บทความที่เกี่ยวข้อง
ลดผมร่วง เพิ่มผมหนา ปลุกรากผมให้ตื่นด้วย Hair formula shot™ ปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด ผมหนาดกดำแข็งแรง
ปลูกผมไม่ต้องโกน! ด้วยเทคนิคปลูกผม Long Hair Ready™ โปรโมชั่นราคาพิเศษ!
แนวไรผมสำหรับผู้หญิงและผู้ชายแบบไหนดี? กรอบหน้าชัดเป๊ะทุกองศา!
ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ติดต่อจองคิวได้ที่นี่เลย!
สาขาสยามสแควร์ ซอย 2 | โทร: 095-406-9423 / 095-406-9424
สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 3 | โทร: 088-693-0532
สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 7 | โทร: 080-245-7886
สาขา ONE BANGKOK ชั้น 4 | โทร: 095-369-9668
สอบถามข้อมูลปลูกผมเพิ่มเติม
Tel: 02-001-3530-1
Facebook: HairCliniquebySLC
Line: @HairCliniquebySLC