การปลูกผมที่เคยได้ยินกันมาว่า เทคนิคปลูกผม FUT และเทคนิคปลูกผม FUE ซึ่งทั้ง 2 เทคนิคนี้เป็นเพียงวิธีการนำเส้นผมหรือรากผมที่แข็งแรงออกมาจากด้านหลังหรือบริเวณท้ายทอยของหนังศีรษะเท่านั้น โดยขั้นตอนการรักษาด้วยการนำรากผมมาปลูกบริเวณด้านหน้าศีรษะ ยังต้องเป็นแพทย์และพยาบาลผู้ชำนาญการในการทำการรักษาอยู่ดี
Hair Clinique ได้เรียบเรียงข้อมูลจากแพทย์ผู้ชำนาญการมาบอกเป็นความรู้ให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ
ข้อดีของตัวช่วยหุ่นยนต์ปลูกผม
ข้อเสียของตัวช่วยหุ่นยนต์ปลูกผม
จากข้อดีและข้อเสียที่กล่าวไป บ่งบอกได้ว่า การปลูกผมด้วยตัวช่วยอย่างหุ่นยนต์หรือหุ่นยนต์ปลูกผมค่อนข้างเป็นเทคนิคที่ใช้เวลาเร็ว แต่ความเสียหายของรากผมก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมากเหมือนกัน ซึ่งอาจส่งผลให้บริเวณที่ปลูกผมไม่เห็นผลลัพธ์แบบ 100%
แล้วเทคนิคปลูกผมแบบไหนดีที่สุด
เทคนิคปลูกผมที่ดีหรือเทคนิคที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด ทำร้ายรากผมน้อยสุด คือเทคนิค FUT เนื่องจากใช้วิธี Open technique ทำให้สามารถถนอมรากผมให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดได้ และอัตราที่รากผมจะเกิดความเสียหายระหว่างการรักษาแค่เพียง 1-2% เท่านั้น ในส่วนการปลูกผมแบบ FUE สามารถเกิดความเสียหายของรากผมได้ประมาณ 5% และหุ่นยนต์ตัวช่วยก็สามารถทำลายรากผมได้มากกว่า 15% จึงถือว่าเทคนิคปลูกผม FUT มีอัตราการเสียหายที่น้อยที่สุด เนื่องจากวิธีนี้จะต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญการอย่างสูงมากในการคัดแยกเซลล์รากผม เป็นการใช้กล้องจุลทรรศน์และใช้เทคนิคในการคัดแยกที่ละเอียดอ่อนมาก
จึงทำให้บอกได้ว่าการปลูกผมนั่นเปรียบเสมือนงานศิลปะ ที่จะต้องใช้ความสามารถ ความละเอียดอ่อน และการมีสมาธิที่สูง เพราะจะต้องมีการคัดกรองเซลล์รากผมที่มีขนาดเล็กมาก
นอกจากนี้แพทย์ยังต้องมองออกถึงปัญหาของคนไข้ว่าควรได้รับการรักษาแบบไหน รวมไปถึงลักษณะการวางเส้นผมที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการเข้าใจถึงรูปหน้าของแต่ละบุคคลว่าจะออกแบบแนวผมเป็นแบบไหน
เรียกได้ว่า "การปลูกผม" เป็นศิลปะการออกแบบขั้นสูงอีกศาสตร์หนึ่งเลย