คุณเคยพบเจอกับปัญหาหัวเหม็นที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในการเข้าสังคมหรือไม่? แม้จะรักษาความสะอาดอย่างดีแล้วแต่กลิ่นไม่พึงประสงค์ยังคงเกิดขึ้น อาการหัวเหม็นนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุและสามารถแก้ไขได้หากเข้าใจต้นตอของปัญหา มาทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพกันในบทความนี้
“หัวเหม็น” เพราะอะไร? เจาะลึกสาเหตุที่คุณอาจไม่เคยรู้!
ปัญหาหัวเหม็นเกิดขึ้นจากการสะสมของเหงื่อ เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบนหนังศีรษะ เมื่อแบคทีเรียย่อยสลายสารต่าง ๆ เหล่านี้จะปล่อยกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา โดยเฉพาะในสภาวะที่หนังศีรษะมีความชุ่มชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อโรค ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับขึ้นได้
5 ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาหัวเหม็น
1. ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป
ภาวะผมเหม็นง่าย อาจเกิดจากต่อมไขมันที่อยู่กับรากผมผลิตไขมันออกมามากจนเกินไป จนทำให้หนังศีรษะมัน และดูดกลิ่นจากอากาศเข้าเส้นผม ส่งผลให้เส้นผมมีกลิ่นเหม็นง่ายกว่าปกติ
2. หนังศีรษะผลิตต่อมเหงื่อมากเกินไป
คนที่มีปัญหาผมมัน จะทำให้กลิ่นติดผมได้ง่ายกว่าเดิม อาจเป็นเพราะต่อมเหงื่อบนหนังศีรษะผลิตเหงื่อออกมามาก ทำให้เกิดภาวะอับชื้นบนหนังศีรษะ ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็น
3. ผมเส้นเล็ก
สำหรับคนที่มีผมเส้นเล็กเกินไป อาจมีแนวโน้มสูงที่ผม และหนังศีรษะจะมันกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้กลิ่นติดเส้นผมได้ง่าย
4. ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในกรณีที่เราไม่เคยเกิดอาการผมเหม็นมาก่อน แล้วเพิ่งมามีอาการนี้ได้ไม่นาน อาจเป็นไปได้ว่าฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ ที่อาจเกิดมาจากความเครียด หรือยาบางชนิด ที่ส่งผลให้เกิดภาวะผมมัน และมีกลิ่นเหม็นบนผม
5. ผลข้างเคียงจากโรคเซ็บเดิร์ม
โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) หรือโรคผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมเหม็น เนื่องด้วยผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการอักเสบของหนังศีรษะ จะมีอาการแกะหรือเกาจนมีน้ำเหลืองเยิ้มออกมา หากทิ้งไว้นาน ไม่รักษา สะเก็ดจะหนามากจนอาจทำให้ผมร่วง และเกิดกลิ่นเหม็นได้
ใครบ้างที่เสี่ยงเกิดปัญหาหัวเหม็น
- ผู้ที่มีหนังศีรษะมันตามธรรมชาติหรือจากพันธุกรรม
- คนที่ไม่รักษาความสะอาดของหนังศีรษะอย่างเพียงพอ
- ผู้ป่วยโรคผิวหนังบนหนังศีรษะ เช่น เซ็บเดิร์ม หรือสะเก็ดเงิน
- บุคคลที่อยู่ในสภาพแวดล้อมร้อนชื้นหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ผู้ที่บริโภคอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม เครื่องเทศ
เสี่ยงเป็นภาวะผมเหม็นง่ายหรือเปล่า?
ลองมาเช็กกันง่าย ๆ เมื่อเราไปยืนใกล้ร้านปิ้งย่าง หรือบริเวณใกล้เคียงที่เขากำลังทำอาหาร ผมของเราอาจจะติดกลิ่นอาหาร กลิ่นควัน หรือกลิ่นมลพิษตามท้องถนน แต่เมื่อผ่านไป 1 วัน กลิ่นที่ติดจะค่อย ๆ จางลงไปเอง หรือเมื่อสระผมกลิ่นเหม็นก็จะหายไป แต่หากกลิ่นเหล่านั้นยังคงอยู่ เสี่ยงว่าอาจจะกำลังเป็นภาวะผมเหม็น หรือ Smelly Hair Syndrome (SHS)
- สระผมไม่ทันข้ามวัน ผมเหม็นอับอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป่าจนแห้งแล้ว
- ผมมีกลิ่นอับคล้ายฟองน้ำเก่า ๆ หรือบางครั้งกลิ่นอาจจะคล้ายสุนัขตอนขนเปียก
- สระผมหลายครั้ง แต่กลิ่นเหม็นไม่หายไป แม้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมแล้วก็ตาม
- กลิ่นเหม็นติดผมนานเกินไป
- ใช้สมุนไพรก็ยังไม่สามารถดับกลิ่นผมเหม็นได้

5 วิธีแก้ปัญหาหัวเหม็นที่เห็นผลจริง
1. รักษาความสะอาดและสระผมให้ถูกวิธี
ควรสระผมสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง หรือวันเว้นวัน ใช้น้ำอุณหภูมิปกติในการล้างผม ทำความสะอาดหนังศีรษะถึงรากผม และเป่าผมให้แห้งสนิทหลังสระเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา
2. ใช้แชมพูลดความมัน
เลือกใช้แชมพูที่ควบคุมความมัน เช่น Ketoconazole, Selenium Sulfide หรือ Zinc Pyrithione ใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อควบคุมการผลิตน้ำมันและลดการระคายเคือง
3. เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ
ใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกหมักผมก่อนสระ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน แต่ต้องล้างออกให้สะอาด
4. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ทำให้หัวเหม็น
หลีกเลี่ยงพื้นที่ร้อนชื้น กลิ่นแรง หรือมลภาวะ เพราะสิ่งเหล่านี้กระตุ้นการผลิตเหงื่อและทำให้เส้นผมดูดซับกลิ่นได้ง่าย
5. งดทานอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหงื่อ
จำกัดอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม และเครื่องเทศ เพราะส่งผลต่อกลิ่นของเหงื่อและกลิ่นหนังศีรษะ
Hair Clinique by SLC ช่วยแก้ปัญหาหัวเหม็น เพิ่มความมั่นใจให้คุณอีกครั้ง
หากปัญหาหัวเหม็นของคุณยังไม่ดีขึ้นแม้จะปฏิบัติตามวิธีการต่าง ๆ แล้ว Hair Clinique by SLC คลินิกปลูกผมพร้อมให้คำปรึกษาและการรักษาด้วยทีมแพทย์ผู้มีความสามารถด้านการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ เรามีเทคโนโลยีและวิธีการรักษาที่ทันสมัย รวมถึงการปลูกผมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงร่วมด้วย เพื่อให้คุณกลับมามีความมั่นใจและสุขภาพผมที่ดีอย่างยั่งยืน