ยาคุมกำเนิดถือเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ตั้งแต่องค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา รับรองความปลอดภัยของยาคุมกำเนิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้ยาคุมกำเนิด ด้วยเหตุผลที่หลากหลาย ต่างกันไป เช่น คุมกำเนิด ปรับฮอร์โมน รักษาสิว
โดยที่ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดอาจทำให้มีอาหารผมร่วงเป็นผลกระทบตามมาอีกด้วย แต่ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง ยาคุมกำเนิดออกฤทธิ์ร่วมกับฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสติน หรือในบางชนิดของยาคุมกำเนิดจะออกฤทธิ์ร่วมกับฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว จะส่งผลให้ร่างกายผู้หญิงเกิดอาการไม่สบายตัว สูญเสียความสมดุลของการกักเก็บน้ำ และปวดหัว แต่ผู้หญิงเสี่ยงจะมีแนวโน้มผมร่วงจากฮอร์โมน โดยเฉพาะคนที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จะมีความรุนแรงของอาการผมร่วงแตกต่างกันหลังจากได้ใช้ยาคุมกำเนิดไปสักระยะแล้ว ส่วนใหญ่ผมจะร่วงในระยะ 3 เดือนแรก หลังจากนั้นผมจะขึ้นมาใหม่แล้วแต่ปฏิกิริยาของแต่ละบุคคล
ทั้งนี้ไม่ใช่ยาคุมกำเนิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ผมร่วง แต่ฮอร์โมนเพศต่างหากที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้ผมร่วง ทั้งนี้สามารถเกิดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเกิดจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ไปเป็น ฮอร์โมนไดไฮโรเทสโทสเตอโรน (DHT) ที่เป็นฮอร์โมนเพศชายที่มีอยู่ในทั้งเพศชายและเพศหญิง
เมื่อใช้ยาคุมกำเนิดแล้วมีอาการผมร่วงไม่หาย หรือผมร่วงมากกว่าผิดปกติ หากสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าเกิดจากยาคุมกำเนิดหรือไม่ ควรเปลี่ยนชนิดยาคุมกำเนิดที่ใช้ หรือเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิด หลังจากหยุดใช้ยาคุมกำเนิด ภาวะผมร่วงจะยังไม่หยุดทันที อาจจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 เดือน อาการผมร่วงจึงจะหยุดร่วง
ขอขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก oknation.nationtv.tv